วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิญญานมีอยู่จริงหรือไม่?








... ในวัยเด็กของผมได้รับการปลูกฝังความเชื่อในเรื่องของศาสนา มีศรัทธาอย่างแรงกล้า

ในเรื่องของ ชาติ  ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ... เริ่มการสวดมนต์ตั้งแต่วัย ๗ ขวบ ...

โดยเข้าไปสวดพร้อมกันกับพวกพี่ๆทั้งหมด โดยมีคุณพ่อเป็นหัวหน้าทีมนำเข้าห้องพระ ...

ตอนวัย ๗ - ๑๕ ขวบนั้น ไปไหนกับคุณพ่อทั่วแผ่นดินไทย เรื่อง " กลัว " ตอบว่าตัดไปได้เลย

เรื่องราวที่เกื่ยวข้องกับวิญญานก็มาปรากฏกับผมครั้งแรกเมื่อตอนอายุได้ ๑๔ ปี่ ...





... ตอนนั้นปิดเทอมใหญ่ ผมก็ไปอยู่กับคุณพ่อ + คุณแม่ ที่ขอนแก่น [ คุณพ่อเป็นผู้การเขตุอยู่ ]

วันนั้นเป็นวันอะไร ... ผมเริ่มลืมเลือนแล้ว ... ในตอนดึกสงัดและเงียบสงบ ผมนอนอยู่ข้างๆ เตียง

คุณพ่อ + คุณแม่ ...ในภวังค์จิตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผมดังก้องในหูว่า " เอ็กพี่มาหา " ซ้ำๆ กัน

หลายๆครั้ง และรู้สึกว่าตัวโดนเขย่าติดๆกันอยู่หลายหน ... ในอาการเคลิ้มรู้สึกได้ว่าเป็นเด็ก

ผู้ชาย แต่ยังไม่รู้ขัดว่าเป็นใคร  จนซักพักจึงตระหนักได้ว่าน่าจะเป็นคุณยศ พี่ชายลูกของอาทุม

น้องคุณพ่อ จึงตกใจลืมตาผลุดลุกขึ้นมา แต่ก็ไม่เห็นใคร... มีแต่ความว่างเปล่า ...





... ในตอนนั้นรู้สึกงงๆ และตกใจในเหตุการณ์นั้น ... ทันใดก็ได้ยินเสียงคุณพ่อถามมาว่า ...

" ละเมอ หรือ ฝันร้ายละลูก " 

ผมตอบไปว่า " ไม่รู้ครับ  เหมือนมีคนมาปลุกเอ็กให้ตื่น "

คุณพ่อถามมาอีกว่า " แล้วคิดว่าเป็นใครกันละ " 

ผมตอบไปว่า " เหมือนจะเป็นคุณยศนะ ครับ "

คุณพ่อพูดสรุปมาว่า " เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน นอนต่อกันดีกว่า " 

ผมรับคำล้มตัวลงนอน แต่ก็ยังติดใจสงสัยอยู่ ... มองนาฬิกาเป็นเวลา 5.35 น.












ตอนเช้่าของวันรุ่งขึ้น มีโทรศัพท์ทางไกลมาจากกรุงเทพ ส่งข่าวมาว่า คุณยศเดินทางไปหัวหิน

รถยนต์ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตเมื่อคืน ตอนเวลา ตี 5.30 น. [ ตรงกับเวลาที่ผมถูกปลุกตื่น ] ...

คุณพ่อพูดกับคุณแม่ว่า " สงสัยตายศ มาบอกลาน้องแน่ๆ " คุณแม่พยักหน้ารับคำ ... ส่วนผม

นั้นน้ำตาซึมออกมา รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก เพราะคิดถึงอดีตว่า เมื่อยามพี่ยศยังมีชีวิตอยู่ก็จะมา

หาสู่ผมอยู่ ประจำไม่ผมไปหา แกก็จะมาหาเองอยู่สม่ำเสมอ ... แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

ก็ยังมาบอกลาน้องด้วยตัวเองถึงที่ ... นับว่าเป็นพี่ชายที่รักน้องอย่างจริงใจที่สุด ...




... ขอโทษ ! ผมลืมบอกไปว่า คนอย่างผมจะพบปะวิญญาณ สัมภเวสี โอปปาติกะ ฯลฯ ได้นั้น

ค่อนข้างยาก เพราะก่อนนอนนั้นผมสวดมนต์เพียบ ... [ สวมพระตลอดไม่เคยถอด ]

 สารพัดคาถา ฯ ถ้าไม่ชิดเชื้อหรือมีสาระสำคัญที่จะมาหา เข้ามาหาผมไม่ได้แน่นอน ...แต่อย่าง

ว่าแหละครับ ...

... ๑๐  นิ้วยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ... พอตอนโตๆขึ้นมา วันไหนเมาหนักก็มีสิทธิ์ได้เจอ

วิญญานได้ อาจจะลืมสวดมนต์หรือว่าถอดพระเครื่องออก ...

...และแล้ววันนั้นก็มาถึงคือ ...











... เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๕ ผมไปเล่นดนตรีอยู่ที่ โรงแรมหาดใหญ่ ในคืนนั้นครบสูตรก็คือ


เมาเหล้า  ไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน  ถอดพระเครื่องออก ... ในขณะที่ผมกำลังหลับอย่างแสนสุข

ด้วยฤทธิ์สุรามาเป็นระยะ ... พลันเหมือนมีคนมาเรียก สะดุ้งตื่นขึ้นมา ในวินาทีนั้นปรากฎเหมือน

ควันลอยมาเป็นหน้าคนที่ใหญ่มาก แล้วหน้านีั้นก็หัวร่อใส่ผม ... ในตอนนั้นผมยังดูไม่ออกว่าเป็น

หน้าใครกันแน่ แต่สัญชาตญาณทำให้ ได้ใช้เท้าทั้งสองถีบไปที่หน้าใหญ่ๆนั้นหลายครั้ง พร้อม

กับลุกไปหยิบพระเครื่องที่แขวนไว้มาสวมใส่อย่างฉับพลัน ... 

เป็นอาการที่รวดเร็วดุจจอมยุทธที่เชี่ยวชาญในการรบพุ่งอย่างไม่ผิดเพี๊ยน ...



... ได้ผลเกินคาดภาพหน้าเหมือนยักษ์นั้นก็พลันหายไป อาการมึนเมาของผมจากพิษสุราก็หาย

ตามไปด้วย มาครุ่นคิดดู ก็แน่ใจว่าหน้าใหญ่ๆที่มาหัวร่อให้เห็นนี่ต้องเป็นเพื่อนนักดนตรีคนใด

คนหนึ่งแน่ๆ คิดไปคิดมาก็ใจหายว่า " ชรอยจะเป็นวิญญานเพื่อนมาหาเราละมั๊ง "...

ว่าแล้วก็ต้องหยุดคิดไม่กล้าคิดต่อ ล้มตัวลงนอนในทันที ... 



... รุ่งเช้าวันต่อมา มีเพื่อนส่งข่าวมาว่า ตุ๊ มือBass วง Swan เก่า ถูกคนฆ่าตายที่พัทยา ผมใจหาย

วูบ ย้อนนึกถึงภาพหน้าคนเมื่อคืน ก็สรุปได้ว่าคือตุ๊ Bass จริงๆ เพราะเพื่อนคนนี้สมัยก่อนเล่น

ด้วยกัน เคยอาศัยอยู่ที่บ้านผมเป็นเวลานานพอสมควรทีเดียว... ไม่รอช้าผมลงมือสวดมนต์แผ่

เมตตา สรรพสัตว์ทั้งหลายฯ ให้เพื่อนตุ๊ อย่างไม่ต้องลังเลสงสัย ...












... เรื่องราวเกี่ยวกับการพิสูจน์ว่าวิญญานมีอยู่จริงนั้น ผมและภรรยามีประสบการณ์อยู่มากมาย

เกินกว่าที่จะมาบอกเล่าในที่นี้ได้หมดสิ้นกระบวนความ ...

ในบทความหน้าต่อๆไป จะมีเรื่องราวน่าระทึกใจ มาสู่ทุกคนให้ได้รับความฉงนใจ ประหลาดใจ

ในสิ่งต่างๆ ที่ผมจะเสนอให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวนั้นๆ ...


... สวัสดีครับ ...