วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เซียนพระมีจริงเหรอ?












...ในชีวิตของผมเท่าที่จำความได้ เมื่อเกิดมาก็เจอแต่ พระพุทธ พระสงฆ์มาตลอด เดือนแรกที่เกิด
ออกมาดูโลกใบนี้ ตอนนั้นคุณพ่อรับราชการเป็นรองผู้การอยู่ที่อยุธยา จึงได้นิมนต์ หลวงพ่อนอ 
วัดกลางท่าเรือ มาทำขวัญให้ผมที่บ้าน ...[ เดื๋ยวมีภาพให้ชมครับ ] อายุ ๕-๖ ขวบ ก่อนเข้านอน
คุณพ่อท่านก็พาให้ลูกๆทุกคนเข้าไปสวดมนต์ ทำสมาธิ กันในห้องพระ โดยที่ลูกๆทุกคน ต้องสวด
มนต์ อย่างพร้อมเพรียงกัน หลังจากสวดมนต์ก็ให้นั่งสมาธิกันอีก ซึ่งในตอนนั้นผมยังเป็นเด็กเล็กมาก...
[ ไร้เดียงสา ] ในห้องพระมีหนังสือสวดมนต์ซึ่งพี่สาวคนที่ ๒ [ พี่แอ๊ด ] เป็นผู้จดบันทึกไว้ ...
ส่วนในห้องพระไม่ต้องพูดถึงพระคุณพ่อผมมีเพียบ ... สมบัติจากคุณปู่ และของท่านที่มีอยู่ ตอบว่า
แทบล้นห้องพระเลยทีเดียว ...[ คุยไปเรื่อย ] ....


...พอวัยหนุ่มขึ้นมาตอนผมไปเล่นดนตรีตาม จังหวัดต่างๆ ได้มีรายการใจอ่อนแจกพระอยู่หลายครั้ง
[ ที่จริงน่าจะเป็นบุญกุศลมากกว่า ]เช่นให้กริ่งปวเรศ พรรคพวกไปตอนที่เพื่อนจะไปเล่นดนตรีที่เมืองนอก [ ทนรบเร้าไม่ได้ต่างหาก ] เพื่อนคนนั้นมีชื่อว่า "อ๋อง" ไปเล่นดนตรีที่ประเทศเยอรมัน ปัจจุบัน
นี้สบายมากๆ เพราะได้เมียเป็นลูกเศรษฐีอันดับ ๓ ของเยอรมัน ตั้งแต่สมัยแรกที่ไปเยอรมัน อย่างนี้
เขาเรียกว่า... ได้พระพาบุญมา นำให้วาสนาสูงส่ง แท้ๆ ...ยังมีอีกองค์หนึ่งให้เขาไป เหรียญหลวงพ่อ 
กลั่น วัดพระญาติ รุ่นแรก คุณพ่อผมไปเรียนโหราศาสตร์กับ ล.พ.อั้น วัดพระญาติ ท่านให้
เหรียญล.พ.กลั่นมา ๑ เหรียญ เรียบร้อยผมแจกเขาไปซะแล้วสิ ...[ จำไม่ได้ด้วยว่าให้ใครไป ] ...



 ...หลวงพ่อ นอ วัดกลางท่าเรือ ...


...เหรียญเจ้าคุณ นรรัตน์ รุ่นจเร ชนะสร้าง ตอนนั้นท่านจเรชนะฝากคุณพ่อไปให้บูชาองค์ละแค่ ...
๑๐ บาท คุณพ่อเลยเหมาไว้ ๑๐๐ องค์ ผมแจกเรียบไม่เหลือสักองค์ให้ตัวเอง ...ยังมีเหรียญ อ.ฝั้น
รุ่นที่  49 คุณพ่อผมเป็นผู้สร้างมีอยู่ ๕๐๐ องค์ ผมเอาไปแจกเรียบอีก ...อ.ฝั้นรุ่นน้าผม นามสกุล ...
ศรีดามา สร้างอยู่ ๒ รุ่น ผมก็เอาไปแจกร่วม ๑๐๐ องค์อีก ...เหรียญ ล.ป.แหวนรุ่น " เราสู้ " มีอยู่ร่วม
๑๐๐ องค์ แจกจนหมดอีก ...ที่หนักเข้าไปอีก เหรียญเสมาหลัง ป.ร.ล.ป.เงิน วัดดอนยายหอม
คุณพ่อผมท่านจัดสร้าง...มีเหลืออยู่ ๑๕๐๐ องค์ ผมก็แจกจนเรียบอีก ต้องไปขอคืนที่ให้เพื่อนๆไป
ได้กลับมา ๒- ๓ องค์เท่านั้น ...


...แล้วก็ยังมีพระต่างๆมากมายที่แจกพรรคพวกไปอาทิเช่น ...พระชุดกิมตึ๊ง ...มอญแปลง นาคปรก  ขุนแผนบ้านกร่าง  ล.พ.นาค วัดหัวหินรุ่นแรก ฯลฯ อีกเยอะจำไม่ได้แล้วเยอะจัด ...มึนไปหมด...
แต่ทุกวันนี้ผมก็รู้สึกเฉยๆนะครับ ไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย ...เข้าทำนอง สมบัติผลัดกันชม ...กระมัง?
นอกจากแจกเขาไปแล้ว บางทีก็มีพรรคพวกเพื่อนของรุ่นน้องโจรกรรมไปก็มีครับ ... หรือเพื่อนกัน
แท้ๆยังจิ๊กไปก็ยังมีเลย ...ดูซิ ! พระเดชพระคุณทำเพื่อนลงนะนี่ ...


...ผมมีเพื่อนอยุ่คนหนึ่งชื่อ "เปี๊ยก"เป็นนักร้อง + นักดนตรีเคยเล่นมาด้วยกัน ชอบสะสมพระมาตั้งแต่
ยังวัยรุ่น เก็บสะสมพระเล็กพระน้อย มาจนกระทั่งเต็มอัตราศึก [ เพียบ ] พอเลิกกับเมียคนหนึ่งก็ทิ้ง
พระไว้กับเมียจนหมด แล้วมาเก็บสะสมใหม่อีก พอเลิกอีกกัน ก็ทิ้งพระไว้เช่นเคย เป็นเยี่ยงนี้อยู่เสมอ
มาจนเป็นนิจศีล [ แต่เท่าที่สืบถาม เปี๊ยกตอบว่า ส่วนมากลืมเอาพระไปต่างหาก พอกลับไปถามหาปรากฏว่าเมียขายพระเรียบ ] ...เวรกรรม ...เมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้วเปี๊ยกพาเซียนพระ มาให้รู้จักคนหนึ่งชื่อว่า "ประเสริฐ" [ เดี๋ยวนี้เป็นเซียนใหญ่อยู่ที่ท่าพระจันทร์ ] มาเช็คพระที่บ้า่นผม ลักษณะหน่วยก้านของเสริฐในตอนนั้นทะมัดทะแมงดีมาก ดูพระ สัมผัสพระ [ ส่องพระ ]ได้รวดเร็ว ทันใจดีมาก ... [ น่ารัก ] ...


...ผมยังมีเพื่อนเซียนพระอีกคนชื่อว่าหน่อย [ แทน ท่าพระจันทร์ ] เป็นนักเรียน ร.ร.เซ็นต์คาเบรียล
มาด้วยกัน ตอนนี้ก็เห็นเดินอยู่กับ ต้อย เมืองนนท์ เป็นอันว่าผมก็พอมีพรรคพวกเป็นเซียนพระอยู่บ้าง
ตอนนี้ผมจะเล่านิทานเรื่องจริงเกี่ยวกับวงการพระเครื่องให้ฟังสักเรื่องเป็นอุทาหรณ์กันนะครับ ...


...เรื่องเป็นอย่างนี้กล่าวคือ มีคนๆหนึ่งมีพระสมเด็จรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่หลายองค์ ได้เพียรพยายาม
นำพระไปประกวดที่ วัดราชนัดดา อยู่หลายปี ปรากฏว่าไม่ติดอันดับใดๆ ผิดพิมพ์ ผิดสีสรร ผิดเนื้อหาฯลฯ โอ๊ย...จิปาถะที่กรรมการจะพูด เป็นอันสรุปว่ามาประกวดอยู่หลายปีดีดักไม่เคยได้สักครั้ง ...อยู่มาปีหนึ่ง คนเดิมนี่แหละนำพระเข้ามาประกวดอีกเช่นเคย เที่ยวนี้ปรากฏว่าเฮงครับ ...ได้ที่ ๑ ...พอชนะเรียบร้อยรับพระกลับคืนมาจากกรรมการ พี่แกก็ทำในสิ่งที่คนไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้มาก่อน ...
คือแกจับพระที่ประกวดได้ที่ ๑ หักออกเป็น ๒ ท่อน แล้วชูพระที่หักในมือทั้ง ๒ ท่อนแล้วกล่าวว่า ...

" ผมเอาพระสมเด็จจากมรดกตกทอดมาประกวดอยู่หลายปีไม่เคยติดอันดับ แต่ปีนี้ผมนำเอาพระที่ผมทำมากับมือ...คือการขุูดเอาเนื้อผงของสมเด็จต่างๆมาเคลือบใส่ในพระเก๊ที่ซื้อมา ...แต่กลับได้
ที่ ๑ ...แบบนี้จะให้อธิบายว่าอย่างไรดี ...แสดงว่ากรรมการทั้งหลายแหล่ ล้วนไม่มีคุณวุฒิให้เชื่อถือ
ได้เลยสินะ " ท่ามกลางความตะลึงงงงันของปวงชน เขาก็เดินลงจากเวทีและลับตาจากผู้คนไปอย่าง
เงียบงันไร้ร่องรอย ...


...มีเซียนพระอยู่รายหนึ่ง จับพระสมเด็จมาได้ในราคาไม่กี่แสนบาท นั่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่นชมกับผลงานที่ทำมา หน้าบาน กะไปปล่อยต่อรับรององค์นี้ไปหนี ๑๐ ล้านเหนาะๆ นั่งส่องพระเพ่งพินิจไปทุกมุมมองขององค์พระ พลิกซ้าย พลิกขวา พลิก หน้า - หลัง...ทันใดนั้นเหมือนต้องมนต์สะกด ...เหงื่อที่หน้าพาลไหลพรากลงมาอย่างไม่รู้ตัว อุทานเสียงแหบแห้งเบาๆออกมาว่า " ทำกับคนอื่นไว้เยอะ นี่ย้อนกลับมาหาตัวเราเองจนได้ นะนี่ ไม่น่าเลยเรา " กล่าวเสร็จก็บดขยี้พระสมเด็จในมือจนป่นโรยลงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไม่เหลือทราก ...


...เรื่องที่ ๑ แสดงว่ากรรมการทั้งหลายไม่มีคุณสมบัติที่คู่ควรจะมาเป็นกรรมการได้ ...
...เรื่องที่ ๒ ไปเจอตำหนิที่ตนเองทำเอาไว้ เข้าทำนอง " ดาบนั้นคืนสนอง " จริงๆนะครับ ...


...เซียนหมายถึงผู้ที่สำเร็จในทางธรรม เซียนพระในปัจจุบัน มีเยอะมีทั้งเซียนใหญ่ เซียนเล็ก เซียนจิ๋ว เซียนร่อนเร่ ฯลฯ ทุกคนล้วนอ้างอิงว่า ตนเองสำเร็จเป็นเซียนได้อภิญญา [ การดูพระ ] กันมาแล้วทำฤทธิ์ได้ตามปรารถนา [ ไม่มีผิดพลาด ] ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องเลอะเลือนมาก พระสมเด็จอายุต้องมีหลายร้อยปี เซียนในปัจจุบันอายุไม่ถึง ๑๐๐ ปีสักคน ที่ดูพระต่างๆได้ก็อาศัยจากตำราหรือคนรุ่นเก่าๆบอกต่อกันมา ยังมีพระที่นอกตำรา นอกพิมพ์มีอยู่อีกมาก ที่พวกเขายังไม่รู้จักหรือสัมผัสมา...พอเห็นพระไม่คุ้นตาก็ว่า ผิดพิมพ์ ผิดเนื้อหา เก๊เก่าอะไรประมาณนี้ พระที่หายากและไม่คุ้นตามักจะถูกอัปเปหิออกไปนอกเส้นทาง ...


...ที่จริงการเป็นเซียนพระก็ไม่ได้ผิดกฏเกณฑ์อะไรนัก แต่ควรต้องมีคุณธรรมประจำใจกันบ้าง พระของเขาแท้ ก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า อย่าไปกดราคาเขาอีก คนเอาพระมาขายก็เจ็บใจอยู่แล้ว แต่เพราะความจำเป็นบังคับ...อย่าให้พวกเขาผูกใจเจ็บบรรดาเซียนทั้งหลายอีกละ ...บางรายหนักเข้าไปอีกพอ
คนเอาพระมาให้เช่า รับพระได้ก็เข้าหลังร้าน สับเปลี่ยนพระเขาไปเสียอีก นั่น เป็นไร ...


... ทำไมถึงทำกับพวกเขาได้ ...






...เรื่องราวของเซียนยังมีมากมายหลายเรื่อง เอาไว้ผมค่อยๆเล่าให้ฟังทีละเรื่องๆก็แล้วกันนะครับ ...

...สวัสดี ...