วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ประสบการณ์จากพระกริ่งเขมร
...ผมต้องขอเกริ่นเรื่องราวที่มาที่ไปให้ทราบกันก่อนนะครับ...กล่าวคือ ผมเกิดอยู่ในครอบครัวที่
เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นนายตำรวจ คุณพ่อผมท่านมีพระเครื่อง พระบูชาต่างๆอยู่มากโขอยู่...
ผมเคยถามท่านว่า "พ่อทำไมมีพระเยอะจังเลยครับ " ...
แกก็ตอบมาว่า " พ่อไม่ได้ไปวิ่งเต้นหามาหรอก แต่เมื่อตอนพ่อเป็นนายร้อยอยู่ บางที่ไปจับคนร้าย
ที่โรงงานยาฝิ่น บางคนก็รับปากว่าจะไม่ทำร้ายคนอื่นอีก แถมถอดพระออกจากคอให้มาทั้งพวง...
เป็นรางวัลให้พ่ออีก ไอ้ครั้นพ่อไม่รับเอาไว้ ก็ดูกระไรอยู่ [ที่จริงพ่อผมท่านก็ชอบสะสมพระอยู่แล้ว]
จะเป็นการเสียน้ำใจกันเปล่าๆ ลำพังพระที่ได้ตกทอดมาจากปู่แก ก็เยอะอยู่แล้ว แล้วบางทีก็ยังมีคน
เอามาให้อยู่เรื่อยๆ นับวันๆ ก็เลยเยอะอย่างที่แกเห็นนะแหละ "
...นี่เป็นคำบอกเล่าจากปากของพ่อผม...คราวนี้เรามาเข้าเรื่องกันก่อนว่า โดยเริ่มแรกเดิมที่นั้น...
พระกริ่งเขมรองค์นี้ อยู่กับพี่ชายผมเลี่ยมทองเรียบร้อยแล้ว แต่ต่อมาพี่ชายผมเขาหน้ามืดไม่มีเงิน
ไปเที่ยวแต่ไม่กล้าเอาพระไปจำนำ ก็เลยแกะทองที่หุ้มพระอยู่เอาทองไปขายซะ ก็เลยไม่ได้ใส่
พระกริ่งองค์นี้อีก มีอยู่วันหนึ่งผมไปเที่ยวที่บ้านพี่ชาย ก็เลยหยิบพระที่อยู่ในพานมาส่องดูเล่นก็ไป
เห็นพระกริ่งเขมรองค์นี้เข้า เห็นว่าผิดแปลกแตกต่างจากพระกริ่งเขมรองค์อื่นๆที่เคยเห็นมาว่า
ธรรมดาพระกริ่งเขมรทั่วไป ที่ใต้ฐานจะมีโอม คือเลข ๑ อยู่เป็นปกติทั่วไป แต่องค์นี้ใต้ฐานมี
โอม นูนขึ้นมาจากใต้ฐาน ผมจึงแปลกใจมาก และนึกอยากได้มาครอบครองในทันที...
...ผมจึงพูดกับพี่ชายว่า " พี่อู๊ด เธออยากได้เหรียญรัชกาลที่ ๑ ไหม ? "
พี่อู๊ดตอบว่า " อยากได้ซิ เธอมีเหรอ "
ผมตอบว่า " มีซิ แต่ต้องแลกกับพระกริ่งเขมรองค์นี้นะ ชั้นชอบ โอเคไหม ? "
พี่อู๊ดว่า " ได้ๆ แลกกันเลย "
...เพียงเท่านั้นก็เรียบร้อย ผมรีบนำพระไปเลี่ยมด้วยความรวดเร็ว [ กลัวพี่อู๊ดเปลี่ยนใจ ] หลังจากนั้นก็
ใส่มาเรื่อย มีอยู่วันหนึ่งเดินอยู่ที่บ้านชั้น ๒ พลาดไปเหยียบเศษแก้วเข้าเต็มที่ ปวดสุดๆ รีบชักเท้าขึ้น
มาดู คิดว่าเลือดสาดแน่ๆ แต่ผิดคาด!มองไปก็ไม่เห็นมีเลือด พอดึงเศษแก้วออกมาก็ยังคงไม่มีเลือด
ออกอีกเช่นเดิม มีแต่รู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อยเท่านั้น ... เหลือเชื่อนะครับ ... แต่เป็นเรื่องจริงนะ ...
...ต่อมาผมไปนั่งรอลูกชาย ๒ คน ทำงานอยู่ที่ลานเบียร์ เวิลเทรด ๔ แยกราชประสงค์ ผมก็นั่งจิบ
เบียร์ไปเพลินๆ มองไปทางลานเบียร์ แต่หารู้ไม่ว่าด้านหลังของผมมีลำโพงไฟฟ้าอยู่บนโครงเหล็ก
ขณะนั้นขาเหล็กที่รับน้ำหนักลำโพง ทานไม่อยู่ได้ทรุดล้มลงมาทางผมที่นั่งอยู่...
ในตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆเข้ามาที่หลังต้นคอผม แต่เหมือนมีอะไรมาลองรับน้ำหนักไว้
และตัวผมก็เอียงตัวไปทางซ้ายเหมือนหลบแต่ก็โดนเข้าที่ศรีษะจนได้ รู้สึกมึนแปล๊บๆ หันไปดู
เห็นลำโพงนอนกลิ้งอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว...
...เพื่อนผมเป็นเจ้าของลานเบียร์เข้ามาดู ถามว่า " เป็นยังไงบ้าง " ผมตอบว่า " มึนหัวนิดๆ "เพื่อนผม
ว่า" แขวนพระดีนี่หว่า " ว่าแล้วก็ควักเงินส่งให้ ๑๐๐๐ บาทพร้อมกับพูดว่า " ไปให้หมอตรวจดีกว่านะ "
ตกลงผมก็ไม่ได้ไปตรวจหมอหรอก กลับถึงบ้านยังกินอาหารได้ตามปกติ ไม่อาเจียร ไม่มึนหัว...
ก็น่าจะโอเค...แล้วก็จริง เหตุการณ์ผ่านไปได้ ๒ - ๓ วันผมก็ยังปกติสุขดี...เจ๋งจริงๆครับ...
...ปิดท้ายอีกซักเรื่องนะครับ...วันหนึ่งแฟนผมเขาให้ช่วยจับแมวเพราะจะฉีดยาให้มัน ผมก็ช่วยจับแมว
ให้ ธรรมดาเวลาเขาฉีดยาแมวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนั้นมีคือ...แทงเข็มฉีดยาเข้าไปที่แมวหลายครั้ง
ก็ไม่เข้า ตกลงแทงไปหลายที่ แฟนผมรู้สึกฉงนใจแต่เหมือนคิดได้พูดมาว่า " พ่ออนูญาติให้แทงเข็ม
เข้าด้วย " ผมก็กล่าวออกมาว่า " เอา...อนุญาติให้แทงเข้า " ไม่ขาดคำ คราวนี้แทงมิดด้ามเข็มในทันที่
แฟนผมก็เลยพูดว่า " ทีหลังไม่ให้พ่อจับแมวอีกแล้ว เดี๋ยวเข็มฉีดยาแทงไม่เข้าอีก "
...สรุปเรื่องราวหรือที่เขาเรียกกันว่า...ประสบการณ์ ...กับพระเขมรองค์นี้มีมากมายหลายเรื่อง บางเรื่อง
ก็มีหวาดเสียว น่ากลัวกว่านี้ เล่าวันนี้ไม่จบ เพราะเรื่องแต่ละเรื่องค่อนข้างจะยาวอยู่สักหน่อยไว้โอกาส
หน้าผมค่อยมาเล่าให้ฟังใหม่ วันนี้ สวัสดีก่อน ... ครับ ...
วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556
รถไฟทะลุมิติแห่งกาลเวลาหายเข้าไปในอุโมงค์ ๔๒ ปี
รถไฟทะลุมิติหายเข้าไปในอุโมงค์อย่างลึกลับถึง ๔๒ ปี ...
จู่ๆโผล่ออกมาทุกคนอายุเท่าเดิม ...
... เรื่องประหลาดนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลพากันปิดปากเงียบ ที่ขบวนรถด่วน
ขบวนหนึ่งพร้อมกับผู้โดยสารหายลึกลับอย่างไร้ร่องรอย ขณะเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่งเมื่อปี
พ.ศ.๒๔๙๒ แล้วจู่ๆโผล่ออกมาอีกในสภาพเดิมทุกอย่าง เมื่อต้นปีนี้คือ พ.ศ.๒๕๓๕ ...
...ที่ประหลาดยิ่งขึ้น ผู้โดยสารจำนวน ๑๒๐ คน และพนักงานประจำรถ ๓ คน มีอายุเท่ากับวันที่หายเข้า
ไปในอุโมงค์ไม่มีใครแก่อายุมากขึ้นสักวันเดียว รูปร่างเหมือนเดิมทุกอย่าง และพวกเขายังเชื่อว่า ...
ทุกวันนี้ยังเป็น พ.ศ. ๒๔๙๒ อยู่ ...
...รัฐบาลอิตาลีเก็บเรื่องนี้เงียบที่จะพูดถึงขบวนรถด่วนหมายเลข เอฟ ๖๒๖ และยังไม่ยอมพูดถึงว่า ...
เอาขบวนรถนั้นไปไว้ที่ไหนด้วย ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ยังคอยจับตาผู้โดยสารทุกคนเว้นแต่มี ๒ คน ...
ที่เป็นชาวต่างประเทศหลบหนีการสอบสวนไป ส่วนพนักงานประจำรถ ๓ คน รัฐบาลได้เก็บตัวไว้ใน ...
สถานที่หนึ่ง ไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชน ...
...ข่าวการหายไปของขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ หายลึกลับไป ๔๒ ปี และโผล่กลับมาอีกนั้น แม้ว่าทาง
การ พยายามปิดข่าว แต่หนังสือพิมพ์อิตาลีเกือบทุกฉบับสามารถที่จะติดตามมาเสนอได้ พยานทีได้
รับทราบเหตุการณ์ครั้งนี้เผย ตั้งแต่เริ่มต้นที่ขบวนรถด่วนนี้มีด้วยกัน ๑๓ โบกี้ หายเข้าไปในอุโมงค์...
รถไฟที่มีความยาว ๑ ใน ๔ ไมล์อย่างลึกลับไม่ยอมโผล่ออกไปอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงปิดอุโมงค์ทำ
การค้นหา ซึ่งมีทั้งตำรวจและ นักวิทยาศาสตร์ โดยได้ค้นทุกตารางนิ้ว แต่ไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อยว่า
มันหายไปได้อย่างไร รางถึงกับรื้อออกแล้วนำมาวางใหม่ เมื่อค้นหากันไม่พบทำให้หลายคนเชื่อว่า ...
มนุษย์ต่างดาวได้ทำการโจรกรรมโขมยรถด่วนนี้ไป ตามรายงานของ นสพ.อุโมงค์ได้เปิดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อปี ๒๔๙๓ ตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีขบวนรถไฟผ่านไปมาเป็นพันขบวนก็ไม่มีอุบัติเหตุอันแปลกประหลาด ...ลี้ลับนั้นเกิดขึ้นอีกเลย ...
...แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ก็มีคนพยายามค้นหาขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ แต่ก็พบว่า
มีแต่ความว่างเปล่า บางคนถึงกับสรุปว่า รถขบวนนี้ถูกหุ้มห่อด้วยกาลเวลาและเดินทางไปสู่อนาคตอัน
ไกลพ้น ...
เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสหรัฐ เรืออินเซอร่า ซึ่งเป็นเรือคุ้มครองเรือประจัญบานของกองทัพเรือสหรัฐ
จู่ๆก็หายอย่างลึกลับจากอู่เรือที่ฟิลาเดลเฟียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่แล้วจู่ๆก็ไปปรากฏตัวที่
ฐานทัพเรือนอร์ฟอร์ด ซึ่งทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ ...
...เมื่อรัฐบาลปิดข่าว หนังสืออิตาลีก็พยายามที่จะขุดค้นออกมา ในที่สุดหนังสือพิมพ์โรมเดลี่ที่ขายดีมาก
สามารถไปคว้าเอาเทปมาริโอ ฟรานซินี ช่างเครื่องรถไฟขบวนนี้มาตีแผ่ได้ ซึ่งมีดังนี้ ...
"ขณะที่ขบวนรถเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์นั้น ไม่นานนักก็มีหมอกสีขาวหนาลอยฟ่อง สมองรู้สึกปั่นป่วนไป
หมด จากนั้นก็หมดสติไม่รู้สึกตัว มาได้สติอีกครั้งหนึ่งเมื่อขบวนรถได้ออกจากอุโมงค์แล้ว เราคิดว่าเวลา
คงจะห่างกันไม่ถึงนาทีดี แต่ที่ไหนได้ เมื่อขบวนรถเรากลับมาถึงสถานีโบล้อคน่าถึงได้ทราบว่า ได้ห่างกัน
ถึง ๔๒ ปี นี่คือสิ่งเดียวที่เรารู้ "
...ผู้โดยสารอื่นๆก็ให้การคล้ายคลึงกันว่า มีหมอกลงจัดเมื่อเวลาเข้าอุโมงค์แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ...
...ผู้โดยสารขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ ๒ คน ที่หลบการให้การคือ อดอล์ฟ โรเนอร์
เป็นชาวเยอรมันกับมาร์ติน บาร์ตเลตต์ ชาวแอฟริกาใต้ สำหรับโรเนอร์มีนักข่าวอิตาลีได้โทรศัพท์ไปหลอกถาม โดยอ้างว่าเป็นผู้โดยสารรถด่วนนั้นด้วยกัน ...
...โรเนอร์ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตอนที่เขาหายไปพร้อมกับขบวนรถไฟนั้นเขาอายุ ๓๐ ปี
มีลูกชายอายุ ๑๐ ขวบ ... เดี๋ยวนี้ลูกชายผมอายุ ๕๒ ปีแล้ว อ้วนและเป็นโรคหัวใจ ส่วนภรรยาผมก็ย่างเข้า ๗๐ ปีแล้ว กำลังเป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมกลับอายุเพียง ๓๐ ปี เท่านั้น เท่ากับเมื่อปี ๒๔๙๒ ...
... เรื่องราวเหล่านี้เป็นความลึกลับของโลกที่อธิบายได้ยาก ซับซ้อน น่าอัศจรรย์ใจ ต่อผู้ที่ได้รับฟังเป็นอย่างยิ่ง ...
...และเรื่องนี้นับว่าเป็นปริศนาอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ชวนติดตาม สืบเสาะ ค้นหาที่มาความเป็นมาเป็นไป ...
... สวัสดีครับ ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
... สวัสดีครับ ...
... อ.ธนเทพ ปฏิพิมพาคม ...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)