Photo Cube Generator
...ในระบบโหราศาสตร์ทุกระบบ...ไม่ว่าจะเป็นโหราศาสตร์ไทยหรือ...โหราศาสตร์สากล...จะมีองค์
ประกอบที่สำคัญอยู่ ๓ ประการก็คือ...
๑.จักรราศี
๒.ดาวพระเคราะห์
๓.เรือนชาตา
...ส่วนประกอบทั้ง ๓ ประการนี้ี...จะมีความหมายและหลักในการใช้เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบใด...แต่ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ระบบนั้น...บางระบบอาจจะสนใจเฉพาะการผสมกันระหว่าง...
ดาวพระเคราะห์กับเรือนชาตาหรือ...ดาวพระเคราะห์กับดาวพระเคราะห์...ส่วนระบบยูเรเนียนบางระบบ
สนใจเฉพาะการผสมกันของเรือนชาตากับดาวพระเคราะห์...เหมือนกับโหราศาสตร์ไทยทั่วๆไป...แต่ก็
มีบางระบบที่ใช้การผสมรวมกันทั้ง...จักรราศี...ดาวพระเคราะห์...และเรือนชาตา...ทั้งหมดเลย...
...วิชาโหราศาสตร์นี้เป็นทั้ง"ศาสตร์"และ"ศิลป์"ซึ่งรวมอยู่ด้วยกัน แยกกันไม่ออก...มิใช่ว่าการเรียนรู้
โหราศาสตร์จนจบทฤษฎีแล้วนั้น...จะสามารถทำนายทายทักผู้คนได้อย่างแม่นยำและเฉียบขาด...เพราะ
ความหมายของดวงดาว...เรือนชาตา...จักรราศี...มีความลึกซึ้งเกินกว่าที่ทุกคนจะเรียนรู้ได้แตกฉาน...
ได้ในเวลาอันสั้นๆ...เพียงไม่กี่วัน...ไม่กี่เดือน...หรือว่าเป็นปี...ทุกคนจะต้องมีความเข้าใจก่อนเป็นพื้นฐาน...และที่สำคัญคนที่จะทายดวงชาตา...อนาคตได้แม่นยำนั้น...ต้องมีสิ่งหนึ่งซึ่งขาดไม่ได้คือต้องมี "ญาณ"...หยั่งรู้ที่มีมาแต่กำเนิดด้วย...
...โหราจารย์แต่โบราณสามารถทายอนาคตได้อย่างแม่นยำ...น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก...เช่นท่านโหรญาณได้เคยทายกับเพื่อนโหรด้วยกันว่า"ขุดลงไปตรงนี้...จะมีปลาอยู่ ๔ ตัว"ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้แต่พอ
ขุดลงไปจริงๆกับปรากฏว่ามีปลา ๔ ตัวอยู่ในแอ่งน้ำเล็กๆในดินตรงนั้นจริง...? อีกท่านหนึ่งคือ...ท่านขุน
ชอบ...ปรมาจารย์วิชา ๑๐ ลัคนา...ท่านพูดกลับคนสนิทว่า"วันนี้มีเคราะห์...คิดว่าจะไม่ออกไปข้างนอก"
กล่าวจบท่านก็เดินขึ้นบันไดไปบนบ้าน...ปรากฏว่ากระดานผุ...ทำให้ร่างของท่านล่วงลงมา ๒ ขั้นบันได...บาดเจ็บเล็กน้อย...ท่านก็บ่นพึมพำขึ้นมาว่า"ขนาดรู้ว่ามีเคราะห์ อยู่บ้านแท้ๆยังโดนจนได้นะนี่"
...อ.พลูหลวงเคยเล่าในบทความท่านว่า...มีเพื่อนโหรด้วยกันคนหนึ่งชื่อ อ.สังข์ [ถ้าผมจำไม่ผิดนะ]
ทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำกล่าวคือ...อ.สังข์มาที่บ้าน อ. พลูหลวงมองไปที่ตู้โชว์มีกล้องถ่ายรูปวางอยู่ ๑ ตัวแต่ท่านกลับกล่าวขึ้นมาว่า"ต่อไปในอนาคต...คุณจะมีกล้องทั้งหมด ๙ ตัว..."ในตอนนั้นท่าน...
อ.พลูหลวงก็ได้แต่นึกแปลกใจเท่านั้นเอง...แต่กาลต่อมาอีกหลายปี อ.สังข์ถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วท่าน
ก็มีกล้องถ่ายรูปอยู่ในตู้โชว์ ๙ ตัวจริงตามคำทำนายของ อ.สังข์...จริงทั้งหมด...
...ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ที่ไม่มี...ญาณพิเศษ...ก็ไม่ต้องตกใจนัก...เพราะญาณก็คือ"พรสวรรค์"ส่วนความขยันก็คือ"พรแสวง"นั่นเอง...ในเมื่อเราไม่มี...พรสวรรค์...เราก็ต้องยึดมั่นในบทวิชาต่างๆเรียนรู้
และซ่อมแซมส่วนที่ขาดตกบกพร่องของเรา...เช่นพยายามรวบรวมสิถิติ...แสวงหาตำราจาก อ.ต่างๆ
ที่ทรงคุณวุฒิฯมาเสริมให้รัดกุมขึ้นมาอีก...การที่คนเราจะเรียนวิชาโหราศาสตร์ในตำราต่างๆซึ่งแตกต่าง
สำนักกันไม่ใช่เรื่องต้องห้าม...วิชาโหราศาสตร์จาก อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้นล้วนมาจากรากฐานเดียวกันทั้งสิ้น...เพียงแต่แตกต่างออกไปจากกันบ้าง...แต่ยังคงไม่ทิ้งของเดิมที่ได้ศึกษากันมาแต่แรกเริ่ม...
...เปรียบเทียบกับวิชาของเสียวลิ้มยี่ซึ่งเป็นวิชาหลักๆมาตราฐาน...แต่ก็มี อ.หลายๆท่านออกไปตั้งสำนักใหม่ขึ้นมา และคิดค้นวิชาประจำสำนักขึ้นมาใหม่...แต่ก็แตกขยายมาจากพื้นฐานเดิมทั้งสิ้น...เช่นท่านเตียซำฮง...ปรมาจารย์บู๊ตึ๊งก็มาจากเสียวลิ้มยี่...ท่านก๊วยเซียงปรมาจารย์ง่อไบ๊ก็มาจากรากฐาน...
ของเสียวลิ้มยี่เช่นกัน...หากเรียนรู้วิชาต่างๆได้ครบสิ้นเวลาออกรบ...ก็สามารถใช้ได้ทั้ง...มีด...ดาบ...
หอก...ธนู...ปืนฯลฯแล้วแต่จะหยิบฉวยอะไรได้ก่อน...ดังนั้นเวลาดูดวงชาตาผู้คน...สามารถหยิบฉวย
วิชาของ อ.ต่างๆมาใช้ได้ทันท่วงทีไม่มีการอับจนอย่างเด็ดขาด...
...สรุปได้ว่า...ในเมื่อเราไม่มี...พรสวรรค์...เราก็ต้องขวนขวายให้มี...พรแสวง...ให้จงได้...แต่ถ้าผู้ใด
มีทั้ง...พรสวรรค์และพรแสวง...ทั้ง ๒ อย่าง...จัดเป็นสุดยอดโหราจารย์ในทางโหราศาสตร์อย่างแท้จริง
คือมีทั้ง ๓ ภาคของโหราศาสคร์ครบถ้วนคือ...
๑.ภาคคำนวณ
๒.ภาคพยากรณ์
๓.ภาคพิธีกรรม
...ท่าน อ.โหรที่สมบูรณ์เพียบพร้อมจน ท่าน อ.ส.ไชยนันท์ได้ตั้งฉายาชื่อว่า"วิญญาณโหราศาสตร์"
...โหราจารย์ท่านนั้นก็คือ...อ.พลูหลวง...ผู้ล่วงลับไปแล้ว...นั่นเอง...และท่าน อ.ส.ไชยนันท์ย่อมเป็น
วิญญาณโหราศาสตร์ด้วยเช่นกัน...เปรียบดัง...พระอรหันต์ด้วยกัน...ย่อมรู้วาระจิตซึ่งกันและกัน...
...เป็นเช่นนี้อย่างแน่แท้...แล้วพบกันใหม่...สวัสดีครับ...