วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บุหรี่นั้นสำคัญไฉน?



               ...จากบทความของบิดาข้าพเจ้า...พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม...เรื่องมีดังต่อไปนี้...

...ในอดีตกาลที่ผ่านมา...หลังจากที่่ได้มาเรียนต่อที่จังหวัดพระนครในสมัยโน้น...บ้านที่มาอาศัยเรียนหนังสือตอนนั้นเป็นบ้านของท่านเจ้าคุณฯ...ซึ่งคุณหญิงของท่านมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ของผม...
ตอนนั้นผมมีอายุได้เพียง ๑๗ ปี...มีผู้คนอยู่ในบ้านหลังนี้หลายคนมีลูกมีหลาน มีคนใช้ คนขับรถ แม่ครัว...กะดูประมาณ ๒๐ คนเศษ...ข้อสำคัญก็คือผู้คนในบ้านนี้ส่วนมากสูบบุหรี่แทบทุกคน...เพราะทุกๆมุม...ของบ้านนี้มีแต่บุหรี่วางไว้เกะกะ...ใส่กล่องก็มี...บรรยากาศของบ้านนี้อบอวลไปด้วยควันบุหรี่...เหตุที่บ้านนี้ฟุ่มเฟือยไปด้วยบุหรี่ก็เนื่องจากท่านเจ้าคุณฯ บ้านนี้ท่านเป็นเจ้าของโรงงานยาสูบในสมัยนั้นเองฉะนั้นบุหรี่ตราต่างๆจึงได้ส่งทะยอยมาที่บ้านตามธรรมเนียม...

...สรุปแล้วผมก็เลยต้องสูบบุหรี่ไปด้วยโดยทางปริยายเพราะเป็นการสูบที่ไม่เสียเงินเลย...และจากนั้น
เอง...การสูบบุหรี่นี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผมไปอย่างเรียบร้อย...โดยไม่มีทางแก้ไข้ได้เลย...ในระหว่างอยู่ ร.ร.นายร้อยก็สูบได้โดยไม่มีใครว่า...การสูบบุหรี่จำเริญรุ่งเรืองไปเป็นลำดับ...
ไม่มีการทรุดโทรมแต่อย่างใร...มีแต่วันที่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ...ออกจาก ร.ร.นายร้อยเป็นร้อยตรี...ก็มี
เงินใช้อยู่แล้ว...จึงสูบต่อไปด้วยความสม่ำเสมอ...จากหนึ่งซองบางวันถึง ๓ ซองก็ยังได้...สงคราม...
โลกครั้งที่สองเลิกแล้ว...แต่ผมก็ยังไม่เลิกบุหรี่...ครับ...จาก ร.ต.ต.จนถึงพล.ต.ต....กี่ปีแล้ว...บวก
ไปบวกมาก็ได้ ๓๐ กว่าปีแล้ว...

...ตับไตไส้พุงปอดหัวใจ...เครื่องในทั้งหลายในร่างกายผมเคลือบไปด้วยควันบุหรี่เข้าไปอบเป็นการ...
เรียบร้อยสมบูรณ์แบบ...โรคต่างๆ ติดตามกันมาเป็นขบวน...โรคหวัดที่เป็นไม่รู้หาย...โรคที่คอ...โรค
เกี่ยวกับตาฯลฯ อัดอยู่ในร่างกายหนาคืบยาว ๑ วาผมอย่างเพียบพร้อม...โดยเฉพาะเรื่องเสลดนี้แก้ไม่
หายเลย...เสลดเป็นของประจำตัวมาโดยตลอด...มีโอกาสที่จะได้ขากทั้งวันไม่เคยหมด...ผมมานั่งคิด
ดูว่า...เสมหะหรือเสลดนี้ถ้าหากเอามาเก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่ได้เคยถ่มออกจากปากมาจนบัดนี้...คงจะ
เก็บไว้ได้หลายแท็งค์น้ำเก็บน้ำฝนอย่างแน่นอน...เรื่องเสลดหรือเสมหะนี้เป็นเมือกข้นชนิดหนึ่งออก
มาจากลำคอหรือลำไส้โดยการขับมาจากเยื่อบุของปอด...ซึ่งได้เกิดความระคายเคืองขึ้น...เป็นความ
รู้ที่ได้จากหมอเขาบอกมา...โดยเฉพาะบุหรี่เป็นต้นเหตุในเรื่องนี้...

...สรุปแล้วผมสูบบุหรี่มาอย่างโชกโชนนั่นแหละ...เคยคิดอยากจะเลิก...อยากจะหยุด...แต่เจ้าตัว...
มิจฉาทิฐิหรืทิฐิมานะยังแข็งกล้าอยู่โดยคิดว่าไม่เป็นไรๆอยู่ตลอดเวลา...จนกระทั่งวันหนึ่ง...จำได้
อย่างแม่นยำว่าเป็นวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๙ ผมมีเรื่องที่จะต้องไปเป็นกรรมการสอบสวนกับรอง
ปลัดกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้น...ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกรณีพิพาทที่ดินที่จังหวัดพิษณุโลก...
ระหว่างนั่งซักพยานอยู่นั้นเอง...ก็เกิดการไอและจามขึ้นอย่างกระทันหัน...ผมขออนุญาตท่านประธาน
กรรมการออกมานอกห้อง...การจามและการไอก็ยังไม่ทุเลา...น้ำมูกไหล...น้ำตาไหล...บางครั้งขณะไอนั้นถึงกับหายใจไม่ออก...เพราะจะต้องอั้นลมหายใจไว้...

...เจ็บบริเวณคอและที่ท้องอย่างรุนแรง...เข้าใจว่าประมาณ ๕ นาทีเศษ...ได้มีผู้เอายาเม็ดแก้ไอกับน้ำร้อนมาให้รับทาน ซึ่งทำให้การไอและจามนั้นค่อยทุเลาไปได้ครู่หนึ่ง...หลังจากนั้นการสอบสวนซึ่งได้
สอบพยานเรียบร้อยแล้วเสร็จพอดี...ผมเลยถือโอกาสลากลับมากองบัญชาการสอบสวนกลางทันที...
เพราะรู้สึกเพลียมากเหมือนกัน...





...ระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องทำงานที่กองบัญชาการสอบสวนกลางนั้นเองผมได้มานั่งคิดดูว่า...เหตุที่เกิดการไอและจามอย่างรุนแรงนั้นก็เพราะบุหรี่นี่เป็นต้นเหตุ...ถึงคราวแล้วที่จะเลิก...ในความรู้สึกนั้นเอง
ก็บอกว่า..เลิกเสียเถิด...เลิกเสีย...ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวของเรา...ครับ ผมตกลงใจอย่างเด็ดขาดเลิกเสีย...ผมเอาบุหรี่ที่เหลือแจกพวกตำรวจในที่ทำงานทันที...เมื่อกลับมาถึงบ้านก็บอกแม่บ้านว่าได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเลิกบุหรี่แล้ว...เหตุการณ์ต่อมาหลังจากรับประทานอาหารแล้วตามปกติจะต้องสูบแต่ผมไม่สูบ...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้...พออยากจะสูบจริงๆ...ก็คิดทันทีถึงวันที่ไอและจามอย่างรุนแรงในวันนั้น...พอคิดขึ้นมาทีไรความอยากสูบก็หายไปอย่างกับปลิดทิ้ง...ผมก็ปฏิบัติเช่นนี้มาเรื่อยๆ
เพื่อนฝูงสิงห์อมควันทั้งหลายพากันตื่นเต้นและแปลกใจเป็นที่สุด...ไม่เชื่อว่าผมจะเลิกบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด...เพราะตามสิถิติที่มีมาแล้วปรากฏว่าบางคนเลิกสูบมาได้หลายเดือนแล้ว...กลับหวนมาสูบอีกก็มี...เพื่อนฝูงของผมคงจะเป็นแบบนั้นกระมัง...แต่สำหรับผมนั้นเป็นที่น่ายินดีว่า...ผมเลิกสูบอย่าง
เด็ดขาดแล้วจริงๆ...

...ผมมานั่งคิดดูว่าถ้าหากผมไม่ได้ไปเป็นกรรมการสอบสวนที่กระทรวงมหาดไทยในวันนั้นแล้ว...
จะมีเหตุการณ์ใดให้ผมได้เลิกบุหรี่หรือเปล่าผมก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน...ก็นับว่าเป็นกรรมดีอันหนึ่ง
ที่จะมากระทบให้ผมต้องเลิกบุหรี่...กรรมนั้นก็ลิขิตให้เป็นไปได้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปสอบสวนที่กระทรวงมหาดไทยในวันนั้นก็ตาม...ก็อาจจะมีเหตุอื่นๆ เกิดขึ้นแทนก็ได้...ผมคิดถึงเรื่องกรรมที่จะ
บันดาลให้เป็นไปมากกว่า...เรียกว่าผมก็ยังมีกุศลผลบุญกับเขาอยู่บ้าง...แต่ว่าอย่างไรก็ตามร่องรอย
ของคราบควันบุหรี่ก็ยังฝังอยู่ในร่างกายของผมอีกเป็นจำนวนไม่น้อย...ซึ่งต่อไปผมจะได้เล่าให้ฟังว่า
มันได้ไปเกิดผลอย่างไรขึ้นกับตัวผมบ้างในภายหลัง...

...เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งในอีกหลายๆเรื่องซึ่งผมคัดลอกมาจากหนังสือชื่อว่า...
"เพียงตำรวจคนหนึ่งเท่านั้นเอง"ของ พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคมซึ่งเป็นบิดาของผม...ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่สนุกและน่าอ่าน...และผมจะนำมาเสนออีกในคราวต่อไปครับ...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น