มรรคคือหนทางสู่ความดับทุกข์
สัมมาทิฏฐิ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึงการปฏิบัติอย่างเหมาะสม...ตามความเป็นจริงด้วยปัญญา...
สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ หมายถึงการใช้สมองความคิดพิจารณา...แต่ในทางกุศลหรือความดีงาม...
สัมมาวาจา เจรจาชอบ หมายถึงการพูดต้องสุภาพ...แต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม...
สัมมากัมมันตะ การประพฤติดีงามทางกาย หรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง...ทำการงานที่ชอบ...
สัมมาอาชีวะ คือการทำมาหากินอย่างสุจริตชน...ไม่คดโกงหรือเอาเปรียบคนอื่นจนเกินไป...
สัมมาวายามะ คือความอุตสาหะพยายาม...ประกอบความเพียรในทางกุศลกรรม...
สัมมาสติ คือการไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอจิตเลื่อนลอย...ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็น
ปกติ ไม่วอกแวก...
สัมมาสมาธิ คือการฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัดจากกิเลศ นิวรณ์อยู่เป็นปกติ...
...องค์ประกอบมี ๘ ข้อย่อ...ออกมาเป็น ๓ ข้อ...
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ อยู่ในหมวด ปัญญา
สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ อยู่ในหมวด ศีล
สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ อยู่ในหมวด สมาธิขันธ์
...มาย่อเป็น ๓ คือ ในกาย...วาจา...และใจ...
...แล้วย่อมาเป็น ๒ คือ...รูปและ...นาม...
...ย่อมาเป็น ๑ คือ กองสังขารที่เป็น...ปุญญาภิสังขาร...
...เมื่อดับสังขารแล้ว...แปลว่า...ใกล้นิพพานเต็มทีแล้ว...
...พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า" ภิกษุ...ปล่อยวางเสียได้...ไม่ยึดถือด้วยประการทั้งปวง...ก็จะได้ชื่อว่า...
สำเร็จกิจในศาสนา "
...ถ้าเราปล่อยวางร่างกายเสียได้...
...เมื่อร่างกายเราเป็นอะไร...เราก็มิได้เป็นเช่นนั้น...
...เมื่อร่างกายเราเจ็บ...เราก็มิได้เจ็บด้วย...
...เมื่อร่างกายเราแก่...เราก็ไม่ได้แก่ด้วย...
...เมื่อร่างกายเราตาย...เราก็มิได้ตายด้วย...
...และเราก็จะได้พ้นความเป็นผี...เป็นศพ...ได้ตลอดกาล...
ร่างกายเรา เป็นอะไร ไม่เป็นด้วย
ร่างเจ็บป่วย เราก็เฉย ละเลยเสีย
ครั้นร่างแก่ เราไม่แก่ เราไม่เพลีย
ไม่ละเหี่ย กับความตาย ในร่างกาย
เราปล่อยวาง ร่างกาย ได้เช่นนี้
เราจะพ้น ความเป็นผี ที่โง่เขลา
เราปล่อยวาง ไม่ยึดถือ แย่งยื้อเอา
ตัวของเรา สำเร็จแล้ว แคล้วจากมาร
...จากบทความของ...พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม...24 ต.ค.31...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น