วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

ไปนิพพานแบบโง่ๆ






... ย้อนหลังไปเมื่อ ๓๙ กว่าปีที่แล้ว ราวๆปี พ.ศ. ๒๕๑๙ สมัยนั้น คุณพ่อของผม ...
... พล.ต.ท.ชัยยงค์ ปฏิพิมพาคม ยังดำรงตำแหน่ง จเร ตำรวจอยู่ ... ได้มีพล.ต.ต.สมศักดิ์
ซึ่งเป็นนายแพทย์อยู่ที่ ร.พ.ตำรวจ ในขณะนั้น ได้เล่าเรื่องราวแปลกประหลาดมหัศจรรย์
พันล้นให้คุณพ่อฟังเรื่องหนึ่ง ... เรื่องราวมีดังนี้ ...

... จากปากคำอาสมศักดิ์ ... [ ลูกศิษย์ ล.พ.ฤาษีลิงดำ ]

... มีอยู่วันนึง ผมไปตรวจดูอาการของคนใข้ ปรากฏว่าดูท่าน่าจะไม่รอดพ้นจากความตาย
ภายในอาทิตย์หน้าอย่างแน่นอน ... หน้าตาคนใข้ในตอนนั้นก็หมองคล้ำ ซีดเซียว อิดโรย
เป็นอย่างมาก จึงได้แนะนำให้คนใข้ นึกถึงพระพุทธเจ้าแต่เพียงอย่างเดียว และให้หารูปพระพุทธเจ้ามาดูไปด้วย พร้อมกับให้ภาวนา พุทโธ ...ซึ่งคนใข้ก็รับปากรับคำเป็นอย่างดี ...

... หลังจากวันนั้นผ่านไปได้ประมาณ ๖ - ๗ วัน พยาบาลก็มาแจ้งผมว่าคนใข้คนนั้นได้เสีย
ชีวิตลงแล้ว ... ผมจึงรีบเดินไปดูอย่างรวดเร็ว พอไปถึงที่เกิดเหตุ ก็เห็นคนใข้นอนสิ้นชีวิต
ด้วยอาการสงบ แต่ที่ผมเห็นว่าผิดปกติ ก็คือ ใบหน้าของคนใข้กับอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล ...
เปล่งปลั่งอย่างเหลือเชื่อ ผิดกับวันที่เห็นในคราวก่อนราวกับ หลังมือเป็นหน้ามือ
 ยังไงอย่างงั้น ...

... ผมก็ได้แต่เก็บอาการ ... สงสัยและประหลาดใจเอาไว้ภายใน...มิได้บอกกล่าวต่อผู้ใด...






... มีอยู่วันหนึ่งได้ไปกราบนมัสการ ล.พ.ฤาษีลิงดำที่บ้านเจ้ากรมเสริม ... พอมีโอกาสก็ได้
ถาม ล.พ.ถึงเรื่องราวของคนใข้ดังกล่าว... ล.พ.ฤาษี รับฟังเสร็จก็หลับตาลงไปชั่วอึดใจ ...
พอลืมตาขึ้นมาก็หัวเราะในลำคอและกล่าวขึ้นมาว่า " มันไปนิพพานแบบโง่ ๆ นะ " ...
... อาสมศักดิ์สงสัยจึงถามขึ้นมาว่า " เรื่องราวเป็นยังไงกันครับ " ...
หลวงพ่อก็ตอบมาว่า " เมื่อกี้ตามไปดู ปรากฏว่าเห็นคนใข้นั่งกราบอยู่ต่อหน้าพระพักตร์
องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ...แสดงว่าช่วงเวลาภายใน ๗-๘ วันก่อนสิ้นชีวิต เฝ้าดูแต่รูป
พระพุทธองค์และภาวนา พุทโธ ถึงพระองค์ตลอดเวลา จึงทำให้จิตมีพลังขับดันนำพาให้
มาพบกับพระพุทธองค์ ได้ในที่สุด ..."


... เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ได้ว่า...จิตประหวัดก่อนที่จะสิ้นชีวิตมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ...
คิดแต่เรื่องดีๆ ก็จะนำพาไปสู่ภพที่ดีได้ ... หากคิดแต่เรื่องชั่วๆ ย่อมจะนำพาไปสู่ภพที่...
ต่ำต้อยติดธุลีได้ ...







... ส่วนตัวผมได้พบกับ ล.พ.ฤาษีทั้งหมด ๓ ครั้ง ...ด้วยกัน ...

...เรื่องราวที่ได้กราบนมัสการ ล.พ.ฤาษี ครั้งที่ ๑ มีดังนี้ ...


... ตอนนั้นเป็นพ.ศ.อะไรนั้นไม่ทราบแน่ชัด [ ลืมนะซี...ก็ปีนี้ ๖๒ เข้าไปแล้ว ] น่าจะไม่น้อย
กว่า ๓๐ ปีขึ้นไป  ผมเล่นดนตรีอยู่ที่เชียงใหม่ ได้พาพรรคพวกไปกราบนมัสการ ล.พ.ฤาษี ฯ
ซึ่งได้มาจำวัดอยู่ที่บ้านเจ้ากรมเสริมฯ ...ในวันนั้นผู้คนมากมาย ล.พ.ตอนนั้นยังผอม สูงโปร่งอยู่ ท่านนั่งอยู่องค์เดียวที่สนามหญ้าหน้าบ้านเจ้ากรมเสริมฯ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าพบ ...
แต่พอดีเพื่อนผมชื่อเบิ้ม [ มือกลอง ] มีลูกชายชื่อ...เติ้ล...อยากให้ ล.พ.เป่าหัวให้ลูกชาย ...
จึงรบเร้าผมว่า " ทำยังไงดี? ละ...เอ็กซ์..." ผมทนเพื่อนเซ้าซี้ไม่ได้ก็เลยบอกเบิ้มว่า ...
" เอาเจ้าเติ้ลมานี่ี...เดี๋ยวจัดการเอง ..." พอคว้าตัวเจ้าเติ้ลได้ก็จูงตรงรี่เข้าไปหาล.พ.ฤาษีฯ 
ในทันที...


... ในใจ ณ.ขณะนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดกับท่านยังไงดี เพราะพึ่งจะได้มาพบปะ นมัสการท่าน 
ก็เป็นวันนี้นะแหละ...กำลังจูงเจ้าเติ้ลไปเพลินๆ แป๊บเดียวเกือบถึงตัว ล.พ.อยู่แล้ว ห่างอยู่ราว
วาเศษๆ ... หลวงพ่อก็ตะโกนออกมาว่า " อ้าว ! มาทำอะไรกัน ... " 
... ผมยิ้มหวานทำใจดีสู้หลวงพ่อกล่าวว่า " เจ้าตัวเล็กนี่อยากให้ ล.พ.ลงกระหม่อมให้หน่อย
ครับ " ล.พ.เค้นเสียงกล่าวว่า " อุบ๊ะ ... เจ้านี่ มันตื๊อจริงเว่ย " 
...ผมตอบไปอีกว่า " หลวงพ่อช่วยสงเคราะห์ให้ด้วยครับ " พูดไปก็เคลื่อนตัวเข้าไปหา ล.พ.
จนเกือบถึงตัวองค์ท่าน ... ล.พ.บ่นพึมพัมว่า " จนได้นะนี่ " ...


... ผมส่งตัว [ ที่แท้ดันตัวต่างหาก ] เจ้าเติ้ลจนถึงหน้าตักท่านจนได้...ท่านก็เมตตา เป่า ...
กระหม่อมให้เจ้าเติ้ล จนได้ในที่สุด ...เป็นที่ปลาบปลื้มของเจ้าเบิ้มพ่อของมันเป็นยิ่งนัก ...
...แต่ผลที่ตามมาก็คือ บรรดาญาติโยมที่ีมาในงานเมื่อเห็นคณะของผมเข้าไปหา ล.พ.ได้
จึงพากันแห่เข้ามากันเนืองแน่นไปหมด ...

... หลวงพ่อจึงพูดขึ้นมาว่า ...

" เจ้าตัวดี...เป็นยังไงเป็นตัวนำพามาดีนัก ..." 

... ผมตอบว่า " งั้นผมขอรางวัลจากหลวงพ่อ...ครับ " 

...หลวงพ่อพยักหน้าและกวักมือให้เข้าไปหาท่าน ...ผมรีบเข้าไปกราบถึงตัวท่าน ...ท่านพูดว่า

" ต้องให้รางวัลหนักๆหน่อย " พลางคว้าดินสอที่อยู่ใกล้มือท่านเขกหัวผมมาโป๊กใหญ่ แล้ว

ถามผมว่า " เจ็บไหม? ...เอาอีกไหม ?..." ผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกล่าวตอบท่านไปว่า ...

" ไม่เจ็บครับ...หลวงพ่อเคาะหัวผมตามสบายเลยครับ ..."

... ท่านเขกลงไปทั้งหมดนับได้ ๕ ครั้ง แล้วหยุุด ...ถามผมอีกว่า " เอาอีกไหม? " 

ผมตอบว่า " แล้วแต่หลวงพ่อพอใจครับ " ท่านเขกต่อมาอีก ๓ ครั้งแล้วก็หยุด ...

แล้วท่านก็พูดมาว่า " เอาพอดีแล้ว " 


... ตกลงวันนั้นเท่ากับว่าผมเป็นคนนำพาญาติโยมทั้งหลายเข้าไปหาท่านจนได้ ...
หลังจากวันนั้นมาไม่กี่วันก็ถึงวันหวยออก เลขที่ออก ๒ ตัวก็คือ ๕๓ ...
...เท่ากับที่ ล.พ.ฤาษีเขกหัวผมพอดี ...แต่ประทานโทษ ไม่ได้ซื้อหรอกครับ [ไม่เคยซื้อ ]
...วันนั้นผมไปกันทั้งหมด ๕ คน ผู้ชาย ๓ คน ... เข้าเค้าอีกละ ...

... จบเหตุการณ์ได้กราบนมัสการ  ล.พ.ฤาษี ครั้งที่ ๑ ...






... เรื่องราวที่ได้กราบนมัสการ ล.พ.ฤาษี ครั้งที่ ๒ มีดังนี้ ...

... ในกาลเวลาต่อมาจากคราวที่แล้ว ผมก็ได้มีโอกาสไปนมัสการ ล.พ.ฤาษี กับ คุณพ่อ
ที่บ้านเจ้ากรมเสริม ซอยสายลม ...ในวันนั้นญาติโยม คับคั่ง เพราะเป็นวันที่ ล.พ.ออกจาก
" สมาบัติ " ... พอถึงคิวของผม [ ต่อจากคุณพ่อ ] ผมได้เห็นใบหน้าที่ผุดผ่องของท่าน...
แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ ดวงตาของท่านจะเป็นสีแดงสด...ท่านยิ้มให้ผมและกล่าวคำว่า...
" เจริญพร " ในขณะนั้นผมรู้สึกปิติและตื้นตันใจเป็นยิ่งนัก ... กล่าวคำว่า " สาธุ " ออกมา
เบาๆ ได้ยินคนเดียว ...

... พอออกจากห้องนั้นมาก็เดินออกมาทางด้านนอกของตัวบ้าน [ วันนั้นคนเยอะมาก ]
พอดีเห็นกล้องวงจรที่ติดอยู่ ...เกิดแว๊บขึ้นมาว่า ... เราจะกลับแล้วลองกราบลาท่านตรงทีวี
วงจรนี้ท่านจะเห็นเรามั๊ยหนอ ? ... ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ที่หน้าทีวีวงจรนั่นเลยละ...ทันใดนั้น
ในภาพที่ผมเห็นก็คือ ท่านหันหน้ามามองกล้องวงจร ...ยกมือขึ้นและกล่าวว่า ...
 " เจริญพรโยม "แล้วท่านก็หันหน้ากลับไปทางเดิม ให้พรญาติโยมต่อไป ...
... ในนาทีนั้นคำว่า " เจโตปริยญาณ " ก็ผุดขึ้นมาในสมองผมในทันที ...


... จบเหตุการณ์ได้กราบนมัสการ  ล.พ.ฤาษี ครั้งที่ ๒ ...









... เรื่องราวที่ได้กราบนมัสการ ล.พ.ฤาษี ครั้งที่ ๓ มีดังนี้ ...

... ในกาลเวลาต่อมา ก่อน ล.พ.ฤาษี มรณภาพ ๒ เดือน คุณอา สิทธา เชตวัน ...
[ ในตอนนั้นคุณอายังไม่ได้บวช ] ได้ชวนผมไปเที่ยวที่วัดป่าท่าซุง ฯ เพื่อนมัสการ ล.พ.
ฤาษี ... เมื่อไปถึงก็พบเห็นท่านเจ็บที่ข้อเท้า เพราะบวมมาก และร่างกายท่านตอนนั้นก็
อ้วนขึ้นมาก...เวลาท่านเดินเหินจึงไม่ค่อยสะดวกนัก ...ในวันนั้นผมขออนุญาตท่านถ่ายรูป
ซึ่งท่านก็อนุญาต ผมจึงได้ถ่ายรูปท่านด้วยตนเอง ๒ รูป [ หายังไม่เจอเลยจ้า ... ] หลังจาก
นั้นก็นั่งคุยกับท่านอยู่พักใหญ่ มีอยู่ตอนนึง... ผมถามท่านว่า ...

 " ต่อไปในอนาคต ผมจะบรรลุสู่ ... อริยบุคคล ขั้นไหนครับ ล.พ. " 
ท่านมองหน้าผมแล้วกล่าวว่า " อย่างน้อยก็สกิทาคามีละว่ะ ! "


... พอผมได้ฟังท่านกล่าวอย่างนั้น ให้รู้สึกปลื้มเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังวิจิกิจฉา [ สงสัย ]
คิดในใจว่า... ระดับพระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ข้อ เจอข้อที่ ๑ สักกายทิฏฐิ ยังมึนเลย
นี่ถ้าเราได้ระดับ สกิทาคามี ต้องละสังโยชน์ ๕ ข้อ ไม่ยิ่งหนักข้อ เข้าไปอีกรึนี่ ? ...
แต่คิดไปคิดมา ต้องพยายามเชื่อ ล.พ.ไว้ก่อน จะเป็นต่อกว่า ...พอคิดได้เช่นนั้นจิตใจก็
พลอยสงบลงไปได้อย่างรวดเร็ว ...และนิ่มนวลลง ในที่สุด ...


... จบเหตุการณ์ได้กราบนมัสการ  ล.พ.ฤาษี ครั้งที่ ๓ ...



... ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ...





... สวัสดีครับ ...








2 ความคิดเห็น:

  1. ล.พ.ฤาษีท่านเป็นพระที่สมถะ ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ลักษณะจะไปคล้ายๆกับ ล.ป.บุดดา ถาวโร ไม่น้อยก็มากแหละครับ ...

    ตอบลบ
  2. อ่าจบแล้วครับ อาจารย์

    ตอบลบ