วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

สิ่งอัศจรรย์ใจจาก ล.ป.บุดดา ถาวโร








... เรื่องที่ ๑ ... เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ...


... ในช่วงปี ๒๕๓๕ ... ค่ำคืนวันหนึ่ง มีคนมาถ่ายทำภาพอริยาบทต่างๆของ ล.ป. บุดดา 
ในวันนั้นอากาศค่อนข้างอบอ้าว ...ร้อนเอาเรื่อง คณะถ่ายทำยังได้นำสปอทไลท์ มาอีก
ด้วย จึงทำให้เพิ่มอุณหภูมิความร้อนเข้าไปอีกเท่าตัว ... ผมมองไปทางหลวงลุงเห็นเหงื่อ
เม็ดเป้งๆ ขึ้นอยู่เต็มใบหน้าท่าน เหลียวมองไปทางพระที่มาสัมภาษณ์ ก็เห็นเหงื่อไหลออก
มาเต็มตัวท่านเช่นเดียวกับหลวงลุง...ผมก็ภาวนาให้สัมภาษณ์เสร็จเร็วๆ พระท่านจะได้ ...
คลายร้อนกันได้บ้าง ...


... พอนึกมาถึงตอนนี้ก็นึกสงสารหลวงปู่บุดดา ว่าท่านก็คงจะร้อนไม่แพ้กันแน่ๆ จึงมองไป
ที่ใบหน้า ล.ป. บุดดา ...ในนาทีนั้นผมกลับรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเพราะเห็นด้วยตา
เปล่า...ว่าบนใบหน้าของ ล.ป.ไม่มีเหงื่อผุดขึ้นเลย...สักเม็ดเดียวก็ไม่มี ...? ใส...เนียน มีแต่
คราบแป้งติดอยู่มองลงไปตามตัวท่านก็ไม่เห็นริ้วรอยของเหงื่อแม้แต่หยดเดียว ... 
ในขณะนั้นเหงื่อของผมเองต่างหากที่ผุดขึ้นมาเป็นระลอกๆ ... จนชุ่มหลังไปหมด ...


... ผมเป็นคนขี้สงสัย ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปอยู่ทางด้านข้างของ ล.ป. บุดดา ...แล้วเอื้อมมือ
ไปสัมผัสกับแขน ล.ป. ปรากฏว่าเหงื่อ ล.ป.ไม่มี แม้แต่น้อยนิด ... ทันใดนั้น ล.ป.ก็หันมายิ้ม
กับผมชั่ว ๓ วินาที ...แล้วจึงเบือนหน้ากลับไปที่เดิมของท่าน ...ในสายตาของ ล.ป.บุดดา
ฉายแววเมตตาและอ่อนโยน เหมือนท่านรู้วาระจิตผมว่าตอนนั้นคิดอะไรในใจอยู่ ...สรุปก็
คือ ร่างกายของ ล.ป.สามารถปรับอุณหภูมิได้เอง ไม่มีร้อนไม่มีหนาว ... 








... เรื่องที่ ๒ ... รับรู้วาระจิตระยะไกล ...


... เมื่อตอนงานวัดเกิด ล.ป. บุดดา อายุครบรอบ ๙๙ ปี ผมก็ได้ไปที่วัดกลางชูศรี ฯ ... ระหว่าง
ที่เดินอยู่ที่บริเวณศาลาการเปรียญ หลังที่ ๒ ตรงนั้นผมเห็นมีนาฬิกาเป็นรูป ล.ป. อยู่จำนวนหนึ่ง
จึงเดินเข้าไปดูเห็นสวยดี...ระหว่างที่จับยกขึ้นดูนั้นก็คิดแว๊บนึงขึ้นมาว่า ...
" ตอนนี้ ล.ป.อยู่ที่ศาลาคนละหลังกัน เราจะลองขอนาฬิการูป ล.ป.นี้ และจะขอเผื่อไปฝากคุณพ่ออีกอัน ลองดูซิ ล.ป.มีเจโต ฯ จะได้ยินที่เราขอใหม?...เอ่ย... " 


พอคิดเสร็จได้ประมาณ ๕ วินาที ... หลวงลุงก็เดินตรงมาหาผมทันทีแล้วกล่าวว่า ...
" โยมเอ็กซ์ ชอบมั๊ย ...รูปปู่ในนาฬิกานี่ทำไว้แจกพระผู้ใหญ่ที่มาในงาน โยมอยากได้ก็หยิบ
เอาไปเลยเดี๋ยวหมดแน่ๆ ... อ้อเอาไปฝากโยมพ่อด้วยอีกหนึ่งอันด้วยละ..." 
... ผมได้ฟังหลวงลุงพูดออกมาดังนี้ ก็มีอาการขนลุกขนชันขึ้นมาในทันที คิดในใจว่า ...ชรอย
ล.ป.กลัวไม่ทันการจึงดลจิตถ่ายทอดคำสั่งไปที่หลวงลุงเป็นแน่แท้ ไม่ต้องสงสัย ...
ว่าแล้วผมก็รีบกล่าวคำขอบคุณหลวงลุง และหยิบนาฬิการูปปู่ ๒ อันทันที ...






... เรื่องที่ ๓ ... ตาทิพย์ สั่งสอนคนทุศีล ...


... ณ.ศาลาที่บูชาวัตถุมงคลของ ล.ป.บุดดา ที่วัดกลางชูศรีฯ ตอนนั้นผมก็ยืนช่วยพระ
ท่านจัดวัตถุมงคลให้กับญาติโยมที่มาบูชา  วันนั้นคนมากันเยอะมาก แน่นศาลาไปหมด
จะว่าเป็นวันงานสำคัญก็ไม่ใช่ เป็นแค่วันหยุดธรรมดา  ในกลุ่มผู้ที่มาเช่าบูชาวัตถุมงคล
มีอยู่พวกหนึ่งที่มีพฤติกรรมแปลกๆ  วนเวียนเข้ามาบูชา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หน้าเดิมๆ แต่เช่า
ทีละองค์ ๒ องค์ ดูมั่วไปหมด ...มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก ...


... ผมช่วยอยู่ซักพักใหญ่พอเห็นว่าผู้คนเริ่มซบเซาลง ก็เดินมาที่ศาลาหน้าห้องนอน ล.ป.
บุดดา ... เห็นญาติโยมกำลังเข้าไปให้ ล.ป.ให้ศีลให้พร ...ผมก็เดินไปนั่งข้างๆท่าน ช่วย...
หยิบและยกของที่คนมาบริจาคให้ ... ส่วนใหญ่ ล.ป.จะเคาะแป้งเสกให้กับผู้ที่มาหา ...
แต่แล้วก็มีอยู่ราย เป็นผู้หญิง พอเข้ามาหา ล.ป.ท่านก็เทแป้งให้ที่มือแต่แป๊บเดียวก็เปลี่ยน
ไปละเลงให้ที่ศรีษะ แถมโขกแป้งไปที่ศรีษะไปมาอยู่หลายครั้ง พร้อมกับดุออกมาว่า ...
" พวกนี้ไม่รู้จักเกรงกลัวบาป ของๆวัดยังไม่ยอมละเว้นกัน มันน่าละอายยิ่งนัก " ...


... ผมดูหน้าผู้หญิงคนนั้นรู้สึกคุ้นๆ และแล้วก็จำได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกับพวกที่มาบูชาวัตถุ
มงคล ที่ศาลาที่ให้บูชาวัตถุมงคลนั่นเอง ผมประมวลภาพแล้วคิดขึ้นมาได้ว่า ...ชรอย
บุคคลเหล่านี้คงทำการโจรกรรมวัตถุมงคลตอนที่คนมาบูชากันอยู่คับคั่งในตอนนั้นกระมัง
และ ล.ป.ท่านล่วงรู้ได้ด้วยวิชา ทิพยจักษุญาณ ... เพราะเคยได้ยิน ล.ป.เคยบอกว่า ... เมื่อ
เวลาคนเราทำชั่วอะไรมา จะเกิดสีแดงติดมากับตัว ดังนั้นพระเกจิอาจารย์ที่มี ... ตาทิพย์
ย่อมมองเห็นสีต่างในตัวมนุษย์ในยามที่เพิ่งทำดีมา หรือเพิ่งทำชั่วมา ได้อย่างแน่นอน ...


... พักใหญ่ ล.ป.ก็กลับเข้าไปในห้องนอน ซึ่งก็ยังมีผู้คนตามไปขอพรกันอีกเหมือนเดิม ...
ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งส่งวัตถุมงคลถุงใหญ่มาเพื่อจะให้ ล.ป.เสก พอเห็นหน้าผูหญิงคนนั้น 
ล.ป.ก็จับแป้งเสกโขกไปที่ศรีษะ อย่างไม่หยุดยั้ง และปล่อยกระป๋องแป้งเสกไปที่ผู้หญิง
คนนั้นอย่างแรง ...พร้อมกับกล่าวออกมาว่า " โกงของวัด ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด "
ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้นก็พลันจำได้ว่าเป็นพวกเดียวกันกับคนที่โดนเขกหัวอยู่หน้าห้อง
ล.ป. นั่นเอง ไม่ผิดตัว ...







... พลังเมตตาแป้งเสก ล.ป.บุดดา ...


...เมื่่อประมาณปีพ.ศ. ๒๕๓๕ ในตอนนั้ั้นผมเล่นดนตรีอยู่ที่ "ปิกาซัส"ถนนสุขุมวิทย์...เมื่อเลิกจากงานในตอนตี ๑...หลังจากได้กินอาหารรอบดึกเสร็จสรรพ ผมก็จะเดินทางไปหา ล.ป.บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรี...เจริญสุข...แทบทุกคืน...สมัยนั้นหนทางค่อนข้างทุรกันดาร ลำบากอยู่พอควรแต่เนื่องจากมีความศรัทธา...และมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปหาล.ป.บุดดาซึ่งเป็นที่เคารพรักของผม......ผมจึงเดินทางไปกราบคารวะท่านอยู่เป็นประจำ...


     มีอยู่ครั้้้งหนึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมท่านที่สิงห์บุรีตามปกติ...ไปถึงที่วัดก็ประมาณ ตี ๔-๕ เพื่อช่วยเช็ดตัวล.ป.บุดดา...โดยปกติล.ป.ท่านจะไม่สรงน้ำ...นอกจากเช็ดตัวเท่านั้น...ในวันนั้นผมอยู่ที่วัดจนกระทั่งถึงเวลา๑๔ น.เศษก็เข้าไปกราบลาล.ป. ได้แป้งเสกของท่่านมา ๑ กระป่อง และท่านก็เทแป้งใส่มือผมอีก...

ผมก็เอาผัดหน้าตัวเองจนหน้าขาวว่อง...ระหว่างที่จะเดินทางกลับ...ผมก็บอกพรรคพวกที่
ตามมาด้วยอีก ๔ คนว่าเดี๋ยวจะแวะหาล.พ.แพรที่วัดพิกุลทองซักหน่อยซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ...


     พอมาถึงวัดพิกุลทอง ปรากฎว่าล.พ.แพรท่านไม่อยู่...พวกผมก็เลยแวะเข้าไปดูที่ห้องวัตถุมงคลของท่าน...ผมได้เช่าบูชาพระรูปหล่อเนื้อเงินไปอยู่หลายองค์...องค์ละ ๔๐๐บาท...แต่ก็ยังมีอีก ๒ องค์ที่ยังอยากได้...แต่กลัวว่าเงินจะไม่พอเติมน้ำมันรถ...แต่มือก็ยังคงกำพระ ๒ องค์นั้นอยู่ไม่ยอมวาง...พระที่ดูแลวัตถุมงคล...เห็นผมลังเลใจอยู่ท่านจึงพูดถามว่า"ทำไมโยมไม่บูชาไปอีกเล่า?"ผมก็ตอบไปว่า"วันหลังผมค่อยมาบูชาใหม่ก็ได้ครับ...เงินหมดพอดี..."พระท่านก็กล่าวว่า
"ไม่เป็นไรหรอกโยม...อาตมาให้...เอาไปเลย"
ผมรู้สึกดีใจและฉงนใจในเวลาเดียวกัน...กล่าวขอบคุณท่าน...


     พอเดินลงมาชั้นล่างก็เหลือบมองเห็นมีที่ให้บูชาหนังสือทำเนียบรุ่นของล.พ.แพรอยู่...จึงเดินไปดูแล้ว...หยิบมาดูเล่นเล่มหนึ่งเป็นปก ๔ สีสวยงาม...เห็นติดราคาค่าบูชาอยู่ ๑๒๐ บาท...มองอยู่อึดใจหนี่งคิดได้ว่าเงินไม่พอบูชาแน่...จึงจับหนังสือวางลงไปในที่เดิม...และจะเดินออกมา...ทันทีทันใดเด็กที่ดูแลอยู่กล่าวว่า...

"พี่ไม่ชอบหนังสือหรือครับ?"
ผมตอบว่า"ชอบซิน้อง...แต่เงินพี่หมดพอดี..."เด็กตอบว่า"พี่เอาไปเลย...ผมให้..."พร้อมกับส่งหนังสือให้...

ผมก็รู้สึกแปลกใจ...รับหนังสือไว้...แล้วก็กล่าวขอบใจเด็กไป...เดินทางกลับกรุงเทพ...


     ระหว่างเดินทางกลับ...พอไปได้ซักพักหนึ่ง...ก็ได้เห็นรถยนต์คันหน้าชนสุนัขกระเด็นไปข้างทางนอน...แน่นิ่งไม่ไหวตัว...แล้วก็ขับรถจากไปโดยไม่เหลียวแลมันเลย...ชาวคณะผมเป็นคนรักสัตว์อยู่เป็นทุนเดิม...ก็เลยจอดรถยนต์...และลงไปดูอาการ...เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง...แว๊บนึง...ผมได้คิดว่าแป้งเสกของล.ป....คงจะช่วยอะไรได้บ้าง...ไม่มากก็น้อย...จึงคว้าหยิบลงไปด้วย...

     พอไปถึงที่เกิดเหตุ...ก็เห็นสุนัขตัวนั้นนอนแน่วนิ่งไม่ขยับตัวเลยซักนิด...ผมก็เลยเอาแป้งที่หยิบลงไป...โรยไปที่ตัวมันอยู่ประมาณ๕-๑๐วินาที...และแล้วทันใดนั้น...มันก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา...แล้วค่อยๆเดินเหยาะ...เข้าไปที่ข้างทางช้าๆจนลับตาไป...ท่ามกลางความตกตะลึงของพวกเราทุกคน...

ผมจึงตระหนักได้ว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้...ล้วนเกิดขึ้นจากพลังเมตตาแป้งเสกของ...ล.ป.บุดดา...อย่างแน่แท้...และแน่นอน...










... ผมเคยถาม ล.ป.บุดดา ว่า ... " ถ้าจะไปเชียงใหม่ ล.ป.จะไปแบบไหนครับ ... " 
ล.ป.ตอบว่า " ก้าวเดียวก็ถึง " 
... ผมถามต่อว่า " ไปยังไงครับ " 
... ล.ป.เงียบไม่ตอบ หัวเราะหึๆ ...


... ปริศนาธรรมหลวงปู่ บุดดา ...

... มีอยู่วันหนึ่งที่ผมนอนอยู่ในห้องนอน ล.ป.บุดดา ด้วย โดยปกติที่ผมเห็น ล.ป. ไม่ค่อย
ได้นอนหรอก ท่านนอนอยู่ก็จริง แต่ตาไม่หลับ มองไปบนอากาศธาตุ แล้วก๋ให้พรไปเรื่อยๆ
แทบตลอดคืน ที่ผมตื่นมาเห็นท่าน ...คิดเอาเองว่า คงจะมีเทพ เทวาฯ มากราบคารวะ ล.ป.
อยู่ตลอดเวลา ...ทั้งคืน ...

... ในคืนวันนั้น ผมตื่นมาเห็นล.ป.นอนจับผ้าห่มรูดด้วยมือทีละมุม จนครบ ๔ มุม อย่างช้าๆ
ทำอยู่เช่นนั้นเป็น เกือบ ช.ม. ซึ่งเปรียบดั่งเป็นปริศนาธรรมให้ชวนขบคิดว่า ...
... หมายถึง ... อริยสัจจ ๔ ...เกิด แก่ เจ็บ ตาย ฯลฯ เป็นไปได้มากหลาย ...
...ไปจบอยู่ที่คำว่า " นิพพาน " ...
... ยามนั้นก็เข้าภวังค์ ... กายเดียว จิตเดียว ... เข้าสู่สภาวะนิทรา ในบัดดลนั้นเอง ...

... สวัสดี ...


... ลิงค์ไปที่ ...
ประมวลภาพ ล.ป.บุดดา ถาวโร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น